วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำเตยหอม, กระเจี๊ยบเปี้ยว ส้มพอเหมาะ ส้งแกงเคง

ใช้เป็นอาหาร

ใบเตยสดสะอาดเอามาคั้น หรือกรองด้วยเครื่องแยกกากได้น้ำสีเขียว นำมาแต่งกลิ่นสีขนม เช่น ลอดช่อง เปียกปูน ใบสดนำมาใส่ต้มกับน้ำเชื่อมทำให้หอม ใส่หม้อหุงข้าวให้ข้าวหอม



คุณประโยชน์

ใบเตยสดมีน้ำมันหอมระเหย กลุ่ม anthocyanin ทำให้มีรสหวาน หอม มัน และสีเขียวที่เป็นสารคลอโรฟิลล์ น้ำใบเตยสดช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่น ต้นและรากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน เพราะลดน้ำตาลในเลือดได้

น้ำเตยหอม



ส่วนผสม

  • ใบเตยหั่น 1.5 ถ้วย (ใบเตย 10-12 ใบ)
  • น้ำสะอาด 3 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • น้ำแข็งทุบ 1 ถ้วย

วิธีทำ

1. นำใบเตยที่ไม่แก่มากเก็บใหม่ ๆ ล้างทีละใบให้สะอาด นำมาหั่นตามขวางเป็นชิ้นเล้ก ๆ แบ่ง 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำกำลังต้มเดือด ต้ม 5 - 10 นาที ยกลงแล้วกรองด้วยกระชอนเอากากออก

2. ใบเตยที่หั่นแล้วส่วนหนึ่งปั่นกับน้ำเล็กน้อยให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง เอากากออก เอาน้ำใบเตยที่คั้นได้ซึ่งมีสีเขียวสดนี้ลงในน้ำต้มใบเตย เติมน้ำตาลทรายให้รสหวาน ต้มให้ละลาย คนให้เข้ากัน ชิมให้มีรสหวานพอดี มีกลิ่นหอม ของใบเตยทั้งใบเตยสดและใบเตยต้ม เมื่อจะดื่มใส่น้ำแข็งบดละเอียด หรือจะนำไปปั่นรวมกับน้ำแข็งทุบก็ได้

น้ำตำลึง Ivy Grourd น้ำผัก ผลไม้

ใช้เป็นอาหาร

เป็นผักต้มจิ้มน้ำพริก ใส่ก๋วยเตี่ยว ผัดผัก ใส่แกงต่าง ๆ เช่น แกงเลียง เซ่งจี้ แกงจืดหมูสับ ทำน้ำตำลึง



คุณประโยชน์

มีวิตามินสูง เอสูง แคลเซียม โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เหล็ก ใบและเถามีเอนไซม์อะมายเลส เอาใบสดมาตำเป็นยาพอกแก้ผดผื่น แก้อักเสบ ลดอาการคันจากแมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยป้องกันโลหิตจาง โรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด น้ำในเถาตำลึงช่วยบำรุงสายตา แก้ตาเจ็บ ตาฝ้า รากแก้พิษในตา มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูก



น้ำตำลึง



ส่วนผสม

  • ใบตำลึง 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่องอย่างใส 12 ถ้วย
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • น้ำต้มสุก 2 ถ้วย

วิธีทำ

1. นำใบตำลึงมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นใส่เครื่องปั่น ใส่น้ำต้มสุก 2 ถ้วย ปั่นให้ละเอียด นำไปกรองด้วยผ้าขาวบางบนกระชอน เอาแต่น้ำสีเขียวที่ได้

2. นำน้ำที่ได้ไปใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน รินใส่แก้วน้ำที่มีน้ำแข็งก้อนเล็ก ได้น้ำสีเขียวสด รสชาติหอมเย็น มีรสเปรี้ยวของมะนาวเล็กน้อย


วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำตะไคร้ Lemon grass

ใช้เป็นอาหาร

ลำต้นใช้เป็นเครื่องเทศ ดับกลิ่นคาวในอาหาร ทำให้อาหารมีกลิ่นหอมน่าทาน ทำน้ำตะไคร้



คุณประโยชน์

ทั้งต้นและใบมีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด 0.4-0.8% โดยมากจะเป็น Citral กลิ่นหอมนี้ถูกนำไปใช้ในการแต่งกลิ่นสบู่ และเครื่องสำอาง มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ใบและรากมีสารคล้ายอินซูลิน มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ดื่มน้ำตะไคร้ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับปัสสาวะและเหงื่อ ลดความเครียด ปวดท้อง แก้ไข้หวัด โดยเอาลำต้นมาต้มกับน้ำเพื่อดื่ม แต่ควรระวังอาจเกิดอาการนอนไม่หลับได้


น้ำตะไคร้



ส่วนผสม

  • ต้นตะไคร้ 7 ต้น
  • น้ำสะอาด 3 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1. ตัดตะไคร้ต้นแก่ทั้งต้นและใบ มาล้างให้สะอาด บุบลำต้นพอแตก แล้วตัดทำเป็นท่อน นำไปต้มในน้ำให้ของดีในตะไคร้ออกมา เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้หรี่ไฟลง รอจนกระทั่งน้ำที่ต้มมีสีเขียว จึงกรองกากทิ้งไป

2. น้ำตะไคร้ที่กรองแล้วเติมน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำให้ได้ระดับเท่าเดิม ต้มให้เดือดอีกครั้ง ยกลงดื่มร้อน ๆ คล่องคอ หอมหวานได้กลิ่นตะไคร้ และกลิ่นของน้ำตาลทรายแดง หรือดื่มแบบเย็นกับน้ำแข็งก็อร่อยชื่นใจ

3. ถ้าดื่มแบบชงชา ให้ซอยตะไคร้เป็นแว่น แล้วนำไปคั่วไฟอ่อนพอเหลืองหอม ชงน้ำร้อนดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง รสปร่า กลิ่นหอม เผ็ดเล็กน้อย แต่ถ้าเติมน้ำตาลแล้วความหวานจะกลบสิ่งเหล่านั้นไปจนไม่รู้สึก


น้ำเชอร์รี Barbados Cherry



ใช้เป็นอาหาร

ทานผลสุก หรือเอามาเชื่อมทำแยมทาขนมบัง ทำพาย หรือทำน้ำผลไม้

คุณประโยชน์

ในผลสุก มีวิตามินซีสูงสุด มีถึง 2,000 มิลิกรัม ในเชอร์รีส่วนที่กินได้ 100 กรัม มีวิตามินเอ ซี อี แคลเชียม โพแตสเซียม มีสารประกอบที่เรียกว่า anthocyanins และ cyanidin ซึ่งมีผลในการต่อต้านการอักเสบ และป้องกันเซลล์ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ผลเชอร์รีที่เริ่มสุกยังไม่งอมมักจะมีรสฝาดและเปรี้ยว จะให้วิตามิน เอ ซี อี มากกว่า ซึ่งช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคโลหิตจาง แก้ปวดข้อ ปวดหลัง เอาเมล็ดมาต้มกับน้ำรักษาโรคหัด รากต้มกับน้ำช่วยขับพยาธิในลำไส้ ใบตำแหลกเอามาฟอกรอยแมลงสัตว์กัดต่อย น้ำเชอร์รีสดทาแก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ป้องกันแผลอักเสบได้

น้ำเชอร์รี่



ส่วนผสม

  • ลูกเชอร์รี 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมอย่างใส 1/2 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 2 ถ้วย

วิธีทำ

1. เลือกเชอร์รีสดเอามาเด็ดก้าน ล้างให้สะอาดแล้วผ่าซีก นำไปใส่เครื่องปั่น ใส่น้ำต้มสุกครึ่งหนึ่งปั่นให้ละเอียด นำไปกรองเอาแต่น้ำ เทน้ำเปล่า ต้มสุกส่วนที่เหลือใส่กากเชอร์รี แล้วคั้นอีกครั้ง นำน้ำเชอร์รีที่คั้นได้ ใส่น้ำเชื่อม ได้น้ำเชอร์รีสีแดงสด หอม หวาน อมเปรี้ยว ใส่น้ำแข็งทุบดื่มเย็น ๆ สดชื่นกระปรี้กระเปร่า

2. ทำน้ำเชอร์รีปั่น โดยเอาน้ำที่ได้ใส่เครื่องปั่นรวมกับน้ำแข็งทุบ เล็กน้อย ปั่นให้เข้ากันดี

น้ำชมพู่ Rose apple, Jambool

ใช้เป็นอาหาร

ทานผลแก่สด ๆ รสหวานอมเปรี้ยว ทำแยม ไวน์ ชมพู่ลอยแก้ว ชมพู่แช่อิ่ม ทำเป็นน้ำผลไม้



คุณประโยชน์

วิตามินซี วิตามินเอสูง เกลือแร่ มีเส้นใยอาหาร ฟอสฟอรัส แคลเซียม มีน้ำตาล วิตามินเอสูง มีวิตามินซีและวิตามินอื่น ๆ มีแร่ธาตุ เช่น คาร์โบไฮเดรต และอื่น ๆ ผลเป็นยาชูกำลัง บำรุงหัวใจ ช่วยระบบขับถ่าย ลดเสมหะ เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักเพราะให้พลังงานต่ำ ใบชมพู่เป็นยาลดไข้ แก้ตาเจ็บ เมล็ดเป็นยาแก้ท้องเสีย แก้เบาหวาน

น้ำชมพู่



ส่วนผสม

  • เนื้อชมพู่ 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมอย่างใส 1/2 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 1.5 ถ้วย

วิธีทำ

1. เริ่มจากล้างชมพู่ให้สะอาดจริง ๆ ปกติแล้วมักจะมียาฆ่าแมลงอยู่มากเพราะว่าโดยธรรมชาติมักจะชอบเจาะลูกชมพู่ ผ่าเอาเมล็ดออก ตัดส่วนที่เป็นขน ๆ ออกไป

2. หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปปั่นพร้อมกับส่วนผสมทั้งหมดที่มีสักครู่จะเป็นเนื้อเดียวกัน รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ ดื่มได้รสอร่อยหวานเย็น ชื่นใจ และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ


น้ำชา Tea tree

ใช้เป็นอาหาร

น้ำมันจากเมล็ดชา ทำเนิยเทียมได้ ใบทำน้ำชา เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย



คุณประโยชน์

มีโปรตีน แป้ง คาเฟอีน น้ำตาล เกลือแร่ มีสารแทนนิน สารเทอร์ปีน ใบชามีคาเฟอีนต่ำ 1.9-3.6 % ทำให้กระตุ้นร่างกายพอไม่ง่วงนอน มีสารแทนนินที่ทำให้มีรสฝาด แก้ท้องร่วง ดอกชาทำเครื่องหอม เคี้ยวใบชาสดแก้กลิ่นปาก

วิธีทำ

น้ำชาดื่มได้หลายแบบ อาจจะชงชาในน้ำเดือด ดื่มโดยไม่ต้องเติมอะไร หรือใบชาตากแห้ง 1 ซองชงน้ำเดือด เติมน้ำตาล 1 ซอง ครีม 1 ซอง หรือเติมแต่น้ำตาลแต่ไม่ต้องเติมครีม แต่การดื่มน้ำชามากจะได้คาเฟอีนมาก จนมื่อสั่น หัวใจสั่น นอนไม่หลับ ท้องผูก นานเข้ามีโอกาสจะเป็นมะเร็งในไต และเหน็บชา

น้ำเงาะ Rambutan

ใช้เป็นอาหาร

ทานเมื่อผลแก่ มีรสหวานหอม ฤทธิ์อุ่น ทำเงาะกระป๋อง ทำแยมทาขนมปัง



คุณประโยชน์

มีนำตาลสูง มีโปรตีนสูง 6 % น้ำมัน 35 % สารแทนนิน วิตามินซี เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ช่วยบำรุงร่างกายในทุกส่วน ทานเงาะสดสามารถแก้ท้องร่วงชนิดไม่รุนแรงได้ เมล็ดเงาะมีน้ำมันและมีพิษทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เปลือกเงาะมีฤทธิ์ แก้อักเสบในช่องปาก และฆ่าแบคทีเรีย

น้ำเงาะ



ส่วนผสม

  • เนื้อเงาะ 1 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
  • เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำ

1. ก่อนจะแกะเนื้อเงาะให้ล้างผลที่มีขนรุงรังให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงผ่าซีก แกะเนื้อเงาะออกมา เอาเมล็ดออกไป

2. นำส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน รินน้ำเงาะสีขาวขุ่น ใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ ทานแล้วได้รสชาติหอมหวานสนิทไม่ควรเก็บทิ้งไว้ดื่ม เพราะคุณค่าอาหาร เช่น วิตามินซีจะลดลงไปหมดและรสชาติจะเปลี่ยนไป

น้ำดอกคำผอย Safflower ดอกคำยุ่ง ดอกคำ



ใช้เป็นอาหาร

เอาเมล็ดมาทำเป็นน้ำมันที่ลดปริมาณไขมันในเลือดได้ ใช้เป็นสีเหลืองผสมอาหาร เครื่องสำอางและยา

คุณประโยชน์

มีสารสีเหลือง Flavenoid glycosides และสารสีเหลืองอมส้ม Carthamin, Sapogenin,Carthamone, Saffomin A saffor yellow safrole yellow เมล็ดดอกคำฝอยจะมีน้ำมัน ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ช่วยลดใขมันในเส้นเลือด สารในดอกคำฝอยแก้อักเสบได้ ฆ่าเชื้อโรคบางตัวได้ รักษาประจำเดือนให้มาสม่ำเสมอ แก้ฟกช้ำดำเขียว ช่วยระบาย ขับเหงื่อ มีรสฝาดเล็กน้อยแต่หากเติมน้ำตาล จะมีรสกลอมกล่อมดีมาก

น้ำดอกคำฝอย



ส่วนผสม

  • ดอกคำฝอยตากแห้ง 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด 5 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วย


วิธีทำ

1. ใช้ดอกคำฝอยต้มกับน้ำร้อนจนเดือด ใช้ไม้พายหรือทัพพีคอยกดให้ดอกคำฝอยจมน้ำ เพื่อให้สารในดอกออกมาให้หมด กรองเอาแต่น้ำด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำสีน้ำตาลแดง แล้วเติมน้ำตาลทรายแดง ดื่มขณะอุ่นหรือดื่มแบบเย็นก็ได้

2. ชงแบบน้ำชาไม่ต้องเติมน้ำตาล ได้น้ำดอกคำฝอยสีน้ำตาลแดงรสจืด ลดไขมันในเลือดและถ่ายคล่อง ไม่อ้วนด้วย เติมน้ำร้อนได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีสีน้ำตาลออกมา

น้ำแคนตาลูป Cantaloupea




ใช้เป็นอาหาร

ผลสุก กินเป็นผลไม้ ทำเป็นน้ำผลไม้

คุณประโยชน์

เนื้อแคนตาลูปมีวิตามินเอสูงมาก มีวิตามินซีเล็กน้อย มีน้ำตาล และมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และอื่น ๆ มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ บำรุงธาตุ ขับน้ำนม ขับเหงื่อ บำรุงสายตา หัวใจ สมอง แก้กระหายน้ำ



น้ำแคนตาลูป
ส่วนผสม

  • เนื้อแคนตาลูปหั่นเป็นชิ้นเล้ก 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมอย่างใส 1/2 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
  • เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

1. ล้างแคนตาลูปให้สะอาด ผ่าซีกเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นให้ได้ 1 ถ้วย ใส่แคนตาลูป น้ำต้มสุก น้ำเชื่อม เกลือ ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ได้น้ำแคนตาลูปสีเขียวอ่อน หวานหอม เย้นสดชื่น

2. รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบพร้อมกับหลอดกาแฟขนาดใหญ่ หรือช้อนยาวเล็กสำหรับตักทาน

น้ำแครอท Carrot ผักกาดหัวเหลือง ผักชีหัว



ใช้เป็นอาหาร

เป็นผักทำแกงจืด สลัดผัก ปรุงอาหารได้อีกหลายอย่าง ทำส้มตำแบบมะละกอ เอาไปดอง ขูดละเอียดนำไปกวนทำขนม แกะสลักเพื่อตกแต่งอาหาร และทำน้ำผลไม้

คุณประโยชน์

แครอท มีสารเบต้าแคโรทีนสูงมากทำให้มีสีส้ม ทั้งเป็นสารต้านมะเร็งและต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ชรา ทำให้หลอดเลือดดี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สาบเบต้าแคโรทีนทนความร้อน และร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้นทานแครอทต้มสุก จะได้โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินซี ไนอาซีน และอื่น ๆ ช่วยบำรุงร่างกาย สายตา มีโพแทสเซียมสูง ช่วยขับปัสสาวะ มีแคลเซียมเพคเตท ซึ่งเป็นเส้นใยชนิดละลายน้ำได้ สามารถลดระดับแคเลตเตอรอลในเลือด น้ำแครอตผสมมะนาวทาบริเวณผิวหน้าเป็นยาบำรุงผิว ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ใช้ทาป้องกันแสงแดด มีน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ขับพยาทธิไส้เดือน

น้ำแครอท



ส่วนผสม

  • แครอทหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมอย่างใส 2/3 ถ้วย
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ

1. ล้างแครอทให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่เอาแกนที่แข็ง เติมน้ำต้มสุก 1 ถ้วย ปั่นให้ละเอียดดี แล้วจึงเติมน้ำเชื่อม น้ำมะนาว เกลือ เติมน้ำต้มสุกที่เหลือตามส่วนผสมให้เข้ากันดี รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ ได้รสหวานอมเปรี้ยวและรู้สึกอิ่มด้วย

2. ทำน้ำแครอทปั่นด้วยการเอาน้ำแข็งทุบเติมไป 1 ถ้วยแทนน้ำต้มสุกที่เติมครั้งหลัง

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำขึ้นฉ่าย Chinese Chives ผักตังโอ๋ ผักชีลา ผักชีล้อม



ใช้เป็นอาหาร

ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหารจำพวกต้มจืดต่าง ๆ ใช้เป็นส่วนประกอบของยำหลากหลาย



คุณประโยชน์

วิตามินเอสูงมาก 3,255 I.U. ใน 100 กรัมมีน้ำมันหอมระเหย ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามมินบี 1 บี2 บี3 วิตามินซี และเส้นใยอาหาร ลำต้นและใบใช้ลดความดันโลหิต ลดระดับคแเลตเตอรอล ป้องกันเลือดแข็งตัว ขับนิ่วในปัสสาวะ เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก แก้ปวด รากใช้แก้ปวดตามข้อ โรคเกาต์ บำรุงร่างกาย และขับปัสสาวะ

น้ำขึ้นฉ่าย



ส่วนผสม

  • ต้นและใบขึ้นฉ่าย 1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมอย่างใส 1/2 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 2 ถ้วย

วิธีทำ

1. ล้างผักขึ้นฉ่ายที่เขียวสดให้สะอาด หั่นให้ได้ 1 ถ้วย แล้วใส่ลงเครื่องปั่น เติมน้ำ 2 ถ้วย น้ำเชื่อมอย่างใส

2. ปั่นให้ละเอียด รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ ได้น้ำผักรสชาติหอมมาก และหวานสดชื่น ไม่มีรสฝาดหรือขื่น สดชื่นไปทั้งวัน

น้ำคะน้า Kale,Chinese Kale



ใช้เป็นอาหาร

เป็นผักต้มจิ้มน้ำพริก หรือทำเป็นผักผัด และผัดรวมกับเส้นหมี่ต่าง ๆ

คุณประโยชน์

ให้วิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา มี เบต้าแคโรทีนและช่วยต้านการก่อมะแร็ง มีแคลเซียม วิตามินซี และมีเส้นใยอาหาร สามารถป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงกระดูและฟัน ช่วยให้เนื้อเยื่อทำงานได้ดี ถ้าทานในรูปน้ำคะน้าสด จะได้รับวิตามินซี ซึ่งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้กระหาย



น้ำคะน้า



ส่วนผสม


วิธีทำ

1. นำใบคะน้าล้างให้สะอาดจากสิ่งสกปรกและยาฆ่าแมลง หั่นใส่เครื่องปั่น เติมน้ำต้มปั่นจนละเอียด นำมากรองด้วยผ้าขาวบางบนกระชอน เอากากทิ้งไป

2. จากนั้นนำน้ำคะน้าใส่เครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว ปั่นให้เข้ากัน รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ จะได้รสชาติกลมกล่อมของคะน้าสดสีเขียว ดื่มแล้วสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

น้ำขนุน Jackfruit



ใช้เป็นอาหาร

เนื้อขนุนสุกทานอร่อย หอมหวาน ใส่ขนมหวานทานกับน้ำแข็ง ทำไอศกรีม เม็ดขนุนเอาไปต้มทานรสหวานมัน เนื้อขนุนอ่อนทำเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก หรือต้มสุกจิ้มน้ำพริก




คุณประโยชน์

อุดมไปด้วยน้ำตาล วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ส่วนรากขนุนใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง แก้ไข้ เอาใบเผาไฟให้ดำเป็นถ่านโรยรักษาบาดแผล

น้ำขนุน



ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เนื้อขนุนสีเหลืองหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาไปปั่นรวมกับส่วนผสมทั้งหมดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องเติมเกลือเพราะรสชาติขนุนดีอยู่แล้ว ทานเกลือน้อยจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ ไตไม่ทำงานหนัก

2. รินน้ำขนุนสีเหลืองนวลใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบดื่มได้ทันที รสชาติหอมหวานเย็นชื่นใจ สดชื่นไปหลายชั่วโมง และทำให้อิ่มด้วย

น้ำขิง Ginger



ใช้เป็นอาหาร ขิงสดใช้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหาร ขิงอ่อนทำเป็นผักจิ้ม ทำขิงดอง หั่นฝอยทานกับโจ๊ก ไก่ผัดขิง ถั่วเขียวต้มน้ำตาลใส่ขิง ทำน้ำขิง น้ำเต้าฮวย และอาหารอีกมากมายที่มีขิงเป็นส่วนประกอบ



คุณประโยชน์

ขิงส่วนที่เป็นเหง้า โดยเฉพาะเหง้าแก่จะมีน้ำมันหอมระเหยชนิดต่าง ๆ อาทิเช่น Ginferol, Zingiberol, Citral, 1-3% ทำให้ขิงมีกลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร เสริมสมรรถภาพทางเพศ และมีน้ำมันชัน (Oleoresin) มากกว่าเหง้าขิงอ่อน สารชนิดนี้ทำให้ขิงมีกลิ่นฉุนและรสเผ็ด ยังมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินหลายชนิด รวมทั้งน้ำตาลและเส้นใยอาหาร เหง้าขิงมีรสเผ็ดด้วยสาร 6 - Shogaol และ 6 - Gingrol ซึ่งลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ร่างกายอบอุ่น ใช้ขับเหงื่อ ขับลม บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ รักษานิ่ว ช่วยย่อยอาหารจำพวกไขมัน ฆ่าพยาธิ รักษาโรคตา ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย แก้ท้องร่วงอย่างแรง แก้คลื่นเหียน อาเจียน ลดระดับแคเลสเตอรอลในตับและเส้นเลือด ใบขิงเอามาตำพอกบรรเทาอาการพกช้ำ ดอกขิงเชื่อว่าฆ่าพยาธิได้

น้ำขิง



ส่วนผสม

  • ขิง (ไม่แก่นัก) 1 ถ้วย
  • น้ำ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
วิธีทำ

1. ปอกเปลือกขิงออก (ควรใช้ขิงไม่แก่นัก เพราะขิงแก่จัดจะมีสารชนิดหนึ่งมีกลิ่นฉุนและรสเผ็ดจัด เมื่อทำเป็นน้ำขิงแล้วจะไม่กล่อมกล่อม) ล้างน้ำ ทุบพอแหลก ตั้งน้ำให้เดือด เอาขิงลงต้มให้เดือด กรองเอากากออก

2. เติมน้ำตาล ชิมรสตามต้องการรีบยกลงกรองใส่ขวดที่ผ่านการต้มหรือนึ่งเป็นเวลา 20-30 นาที เมื่อน้ำเย็นลง แล้วค่อยเก็บใส่ตู้เย็น การต้มถ้าเดือดนานเกินไป กลิ่นหอมของขิงซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยจะระเหยออกไปหมดทำให้ขิงที่ได้ไม่มีกลิ่นหอมชวนดื่ม น้ำขิงเหมาะทั้งดื่มตอนที่กำลังร้อนอยู่ตามที่เรียกกันว่าน้ำเต้าฮวย รสเผ็ดเล็กน้อย หอมหวาน หรือดื่มกับน้ำแข็งทุบก็ได้


น้ำข่า Galangal

ใช้เป็นอาหาร เหง้าแก่ของข่าใช้เป็นเครื่องเทศใส่ต้มยำ แกงเผ็ด ลาบ และอาหารอีกหลายประเภท ส่วนเหง้าอ่อนนำมาต้มทำเป็นผักจิ้มน้ำพริก สามารถดับกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี



คุณประโยชน์ น้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ซึ่งประกอบด้วย Kaemferol,Cineole,Linalool, Eugenol ทำให้เจริญอาหาร มีวิตามินซี แคลเซียม เส้นใยอาหาร เบต้าแคโรทีน ไนอาซิน ช่วยชะลอความแก่ชรา ทำเป็นยารักษาโดยใช้เหง้าอ่อนขนาดหัวแม่มือทุบให้แตกต้มเอาน้ำดื่มจะขับลมในลำไส้ได้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับเลือกซึ่งเหมาะกับผู้หญิงเพิ่งคลอดบุตร เอาข่าปอกเปลือกจุ่มเหล้าแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน ทาแรง ๆ ติดต่อกัน 4-5 วัน หรือตำพอแหลกผสมเหล้าหรือแอลกอฮอล์ แช่ไว้ 1 คือ แล้วเอาน้ำที่ได้ทาแก้โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน

น้ำข่า



ส่วนผสม

  • ข่าหั่นเป็นแว่น 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1. นำข่าแก่แบบเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องแกงมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น ๆ นำมาต้มหรือตากแดด 2 วัน จะได้ข่าแห้งเก็บไว้ทำน้ำข่าเมื่อต้องการ โดยต้มในน้ำเดือดให้รสชาติของข่าออกมาให้มาก รักษาระดับน้ำให้เท่าเดิม

2. ใส่น้ำตาลเคี่ยวจนละลาย จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง เอาน้ำแข็งใส่แก้ว แล้วรินน้ำข่าลงไป ได้รสชาติหวานหอม ดื่มเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน หรือจะดื่มตอนร้อนรู้สึกคล่องคอดีมาก ใช้น้ำตาลทรายแดงช่วยกลบรสปร่าของข่า

น้ำข้าวโพด Corn ข้าวสาลี

ใช้เป็นอาหาร ทานเมื่อผลแก่ แต่ไม่แก่มาก ในรูปแบบข้าวโพดต้ม ข้าวโพดย่าง ข้าวโพดคลุกเนย ฝักอ่อนนำมาต้มเป็นผักจอ้มน้ำพริก หรือผัดผักรสหอมหวานกรอบอร่อย ทำซุปข้าวโพดให้เด็กหรือคนป่วย



คุณประโยชน์

มีแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ โปรตีนและแป้ง ช่วยบำรุงหัวใจ ระบบลำไส้ทำงานดีขึ้น ซังข้าวโพดทำยารักษาตาลขโมย ฝอยข้าวโพดต้มกับน้ำใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
น้ำข้าวโพด



ส่วนผสม

วิธีทำ

1.นำข้าวโพดไปต้มให้สุก แล้วนำมาฝานเอาแต่เมล็ดได้ 1 ถ้วยไปปั่นในเครื่องปั่นรวมกับนมสด เกลือ น้ำต้มสุก น้ำเชื่อม ปั่นให้เข้ากันจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว รินใส่แก้วดื่มได้รสชาติหวานหอม เย็นสดชื่น และทำให้อิ่มได้ด้วย

2. ข้าวโพดปกติจะมีรสหวาน แต่ข้าวโพดหักจากต้นมาหลายวันแล้วจะไม่ค่อยมีรสหวาน ถ้าดื่มไม่อร่อยอาจจะเติมน้ำเชื่อมลงไปอีกสักเล็กน้อย


น้ำกล้วยหอม banana

ใช้เป็นอาหาร กล้วยหอมเมื่อทานสุก รสชาติหอมหวานและเย็น ใช้กล้วยสุกงอม บดเป็นอาหารของทารกที่มีประโยชน์และราคาถูก



หรือทำกล้วยกวน ใช้ทอดเป็นกล้วยฉาบ ทำขนมเค้กกล้วยหอม ทานกับไอศรีม เนยแข็ง ฟรุ๊ตสลัด

คุณประโยชน์

อุดมไปด้วยแป้ง โปรตีน ไขมัน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่หลายชนิด รวมทั้งเส้นใยอาหาร ที่ทำให้ปอดชุ่มชื่น ช่วยแก้กระหาย แก้ไข้ ลดความดันโลหิต แก้ท้องผูก แก้โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ไอเรื้อรัง แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไต
น้ำกล้วยหอม



ส่วนผสม

  • กล้วยหอม 1 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
  • นมสดรสจืด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

1.ปอกเปลือกกล้วยหอมแล้วหั่นให้ได้ 1 ถ้วย ใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้

2. เติมน้ำต้มสุก นมสด ตามอัตราส่วน ไม่ต้องใส่น้ำตาลและเกลือ เพราะกล้วยสุกงอมจะหวานจัดและไม่มีรสฝาด


เปิดสวิชปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ปิดเครื่องใส่แก้วที่มีน้ำแข็งทุบ มีหลอดกาแฟพร้อมช้อน
ตัก มีรสชาติ หอมหวานเย็นชื่นใจ และได้คุณค่ามหาศาล จะดัดแปลงเอากล้วยสุกพันธุ์อื่น ๆ เช่้น กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า มาปั่นด้วยก็อร่อยได้เหมือนกัน

น้ำกีวี kiwi, chinese gooseberry

คุณประโยชน์ ผลสุกนำมาทานสด มีรสเปรี้ยวหวาน ฝานเป็นชิ้นบางตกแต่งอาหาร หรือทำพายกีวี ผลสุกมีวิตามินซีสูง




แคลเซียม โพเทสเซียม เบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงร่างกาย ผิวพรรณ ชะลอความแก่ชรา

น้ำกีวี




ส่วนผสม
วิธีทำ

1. ล้างผลกีวีให้สะอาดแล้วปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นให้ได้ 1 ถ้วย องุ่นแช่ด่างทับทิม 15 นาที ล้างน้ำให้หมดยาฆ่าเมลงแล้วผ่าซีกเอาเมล็ดออก

2. นำส่วนผสมทุกอย่างปั่นรวมกันให้ละเอียด ได้น้ำกีวีสีเขียวอ่อน รสเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นกีีวี ส้มและองุ่น ดื่มกับน้ำแข็งทุบ ดื่มทันทีจะได้คุณค่ามากกว่า

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำเก๊กฮวย เบญจมาศสวน เบญจมาศหนู



คุณประโยชน์ มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งช่วยย่อยและเจริญอาหารและสารสำคัญ เช่น พวกฟลาวาโนน ไกลโคไซด์ มีสารคริสแซนติมีนและอื่น ๆ ซึ่งไม่มีพิษ ไม่มีผลข้างเคียง สารสกัดของเก๊กฮวยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย มีสรรพคุณเป็นยาเย็น น้ำจากดอกเก๊กฮวยใช้บำรุงปอด แก้เจ็บคอ ลดความดันโลหิต รักษาเส้นเลือดหัวใจตีบ แก้ปวดศีรษะ ปวดท้อง บำรุงประสาท บำรุงสายตา ขับลมในกระเพาะ แก้ร้อนในและแผลร้อนในปาก ถ้าเอาลำต้นสดมาตำให้แหลก ได้น้ำมาทาช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้


น้ำเก๊กฮวย



ส่วนผสม

  • ดอกเก๊กฮวยแห้ง 2/3 ถ้วย
  • น้ำ 3 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
วิธีทำ

1.เอาดอกเก๊กฮวยแห้งที่มีขายอยู่ทั่วไปมาล้างน้ำให้สะอาด

2.ต้มน้ำจนเดือดพล่านแล้วหรี่ไฟลง ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไป (ถ้าต้มจะได้รสขม แต่แก้ได้ด้วยการเพิ่มน้ำตาล) น้ำที่ออกมาเป็นสีเหลืองอ่อน คนทิ้งไว้จนเย็น แล้วบีบดอก กรองด้วยผ้าขาวบางบนกระชอน เอากากทิ้งไป

3.เอาน้ำที่กรองได้ตั้งไฟอีกครั้ง เติมน้ำตาลทราย ดื่มแบบร้อนหรือแบบเย็นก็อร่อยและหอม ได้ประโยชน์เช่นกัน

4.ทำเก๊กฮวยชงแบบชาดื่มต่างน้ำ และดื่มโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล เติมน้ำร้อนได้เรื่อย ๆ จนกว่าสีเหลืองจะหมดไป ดื่มได้วันละหลาย ๆ แก้วโดยไม่เป็นอันตราย

น้ำกะเพรา กะเพราขาว กะเพราแดง Holy Basil

ใช้เป็นอาหาร ต้มเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือผัดกะเพราหรือใส่ต้มยำ แกงป่าก็ได้ ทำน้ำกะเพรา



คุณประโยชน์ ในใบพบน้ำมันหอมระเหยประมาณ 0.35-0.6 % เช่น apigenin, ocimol, linalool, essential oil,chavibetal ช่วยขับลมและทำให้เจริญอาหาร



นอกจากนี้ก็มีวิตามินเอ ซี ฟอสฟอรัส อยู่ไม่น้อย ขับลมแก้ท้องอืดเฟ้อ ในเด็กอ่อนที่ท้องอืด ให้ใช้ใบสด 3-4 ใบ ใส่เกลือเล็กน้อยแล้วบทให้ละเอียด ผสมกับน้ำฝึ้งให้มีรสหวานหยอดใส่ปากให้เด็กอ่อนที่ท้องอืด 2-3 หยด เป็นเวลา 2-3 วัน จะช่วยขับลม ออกมาได้หมด สำหรับผู้ใหญ่ใช้ใบสด 1 กำมือ ต้มกับน้ำให้เดือด แล้วเอาน้ำมาดื่มต่างน้ำ ใช้รักษาหวัดปวดศีรษะ ปวดเอว

น้ำกะเพรา



ส่วนผสม

  • ใบกะเพราตากแห้ง 3-4 ใบ
  • น้ำต้มเดือด 1 แก้ว
วิธีทำ

1. เด็ดใบกะเพราแล้วล้างให้สะอาด นำไปตากแดดให้แห้งดี จะเก็บไว้ได้นาน

2.ต้มน้ำในกาให้เดือด แล้วรินน้ำเดือดใส่แก้วที่มีใบกะเพราแห้ง ทิ้งไว้จนอุ่น ได้น้ำกะเพราสีเขียวอ่อนใส ดื่มน้ำนั้นเหมือนดื่มน้ำชาโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลให้อ้วน

3.อีกวิธีหนึ่งคือต้มใบกะเพราแห้งกับน้ำเดือด หรี่ไฟลง เคี่ยว 15 นาที เติมน้ำตาลทรายแดงพอมีรสหวาน รักษาระดับน้ำให้เท่าเดิม จะดื่มร้อนหรือใส่น้ำแข็งก็แล้วแต่ใจชอบ จะได้กลิ่นหอมของกะเพรา และกลิ่นน้ำตาลทรายแดง มีรสเผ็ดเล็กน้อย

น้ำกระท้อน (สะท้อน กระเจ๊าะ เตียน) Santol

ใช้เป็นอาหาร ทานสดจิ้มเกลือ เมื่อผลสุก ทำแยมหรือทำกระท้อนลอยแก้ว กระท้อนดอง ทำน้ำกระท้อน



คุณประโยชน์ ผลสุกจะมีวิตามินเอ วิตามินซี น้ำตาล แคลเซียม และฟอสฟอรัส ใบสดเอามาต้มอาบน้ำช่วยลดอาการไข้ รากเอามาฝนดื่มแก้ท้องเดิน เปลือกของลำต้น เอามาฝนกับน้ำ เพื่อทาแก้โรคผิวหนังอักเสบ พุพอง


น้ำกระท้อน



ส่วนผสม

วิธีทำ

1. เลือกเอากระท้อนห่อสุก จะมีเนื้อมากและมีรสหวานอมเปรี้ยว ปอกเปลือกออกหนพอสมควรด้วยมีดสเตนเลส ล้างในน้ำมะนาวให้สะอาดและป้องกันไม่ให้กระท้อนเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล แล้วสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นจนเป็นเนื้อละเอียด ตักเอาเมล็ดออกไป ได้น้ำกระท้อนสีเนื้อนวล รินใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ดื่มได้ทันที รสหวานอมเปรี้ยว ชุ่มคอและสดชื่นดีมาก

2. ถ้าต้องการทำกระท้อนปั่น ให้ใช้น้ำแข็งทุบ 1 ถ้วยกับน้ำต้มสุก 1 ถ้วย กระท้อนกับน้ำเชื่อมในอัตราส่วนเดิม ได้รสชาติหอมอร่อยเย็นสดชื่น แต่ไม่ควรทิ้งไว้นานเพราะน้ำกระท้อนจะมีสีน้ำตาลขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รสชาติไม่ดี



กระชาย น้ำกระชาย Wild Ginger



กระชาย ใช้เป็นอาหาร เหง้าและรากมีฤทธิ์เผ็ดร้อน กลิ่นหอม ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงในอาหารจำพวกแกงป่า แกงกะทิ น้ำยาขนมจีน ผัดเผ็ดต่าง ๆ เพื่อดับกลิ่นคาว



คุณประโยชน์

ทั้งรากและต้นประกอบด้วยสารหอมระเหย เช่น alpinetin,pinocembin, Boesenberign A, pinostrobin แต่ในส่วนรากยังพบ Chavicinic acid ด้วย สารเหล่านี้มีฤิทธิ์ขับลมในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้แร่ธาตุต่าง ๆ แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ และซี ก็มีอยู่ไม่น้อย เหง้ากระชายรักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง ท้องอืดท้องเพื้อ และขับปัสสาวะ บำรุงกำลังและสมรรถภาพทางเพศ วิธีการทำเพื่อดื่ม รักษา ทำโดยใช้เหง้าสด 2 เหง้า บดให้ละเอียด เติมน้ำปูนใส คั้นเอาแต่น้ำ มาดื่ม หรือทุบรากพอแหลก แล้วนำไปต้มน้ำดื่มร้อน ๆ หรือทำเป็นกระชายบดแห้งเป็นผงสำหรับดื่มเป็นชาร้อนก็ได้

น้ำกระชาย



ส่วนผสม

  • เหง้ากระชาย 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
วิธีทำ

1. ล้างเหง้ากระชายด้วยน้ำเปล่าหลายครั้งให้สะอาด บุบให้แหลก ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟให้เดือด เอากระชายใส่ลงไปต้มจนเดือดมีกลิ่นหอม หรี่ไฟลง เคียวต่อไปอีก 10 นาที ให้สารที่มีคุณค่าในกระชายออกมา เติมน้ำให้ได้ระดับเท่าเดิม

2. กรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออกไป เติมน้ำตาลทรายแดงและต้มให้เดือดอีก 3 นาที แล้วยกลง จะดื่มแบบร้อนคล่องคอ ได้น้ำกระชายสีเหลืองอ่อน รสเผ็ดปร่า มีกลิ่นของกระชายและกลิ่นน้ำตาลทรายแดง หรือจะดื่มแบบเย็น กับน้ำแข็งก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า