วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำกระเจี๊ยบแดง Jamaican Sorrel,Rosella



กระเจี๊ยบแดง


ใช้เป็นอาหาร ใบอ่อน ยอดอ่อน ดอกอ่อนสีเขียว นำมาแกงส้ม ต้มส้ม มีรสเปี้ยว และเอาน้ำสีแดง จากกลีบรองดอกมาสีผสมอาหาร ทำเยลลี่

คุณประโยชน์

กลีบเลี้ยงและใบประดับ มีสารแอนโทไซยานิน (anthocyanins) ที่ทำให้มีสีม่วง มีวิตามินซี มีกรด ซิตริก มัลลิก ทำให้มีรสเปี้ยว มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัสและอื่น ๆ โดยเฉพาะใบที่มีวิตามินเอสูงมาก ถึง 12,583 I.U. ใน 100 กรัม แต่การมีฟอสฟอรัสสูงเป็นข้อควรระวังสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจ ส่วนยอดและใบกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ ขับปัสสาวะ เป็นยาบำรุ่งธาตุ และเป็นยาระบาย ใบตำให้ละเอียดนำมาพอกฝี หรือเอาใบต้มกับน้ำเพื่อชะล้างแผล น้ำกระเจี๊ยบจากกลีบเลี้ยงทำให้สดชื่น แก้กระหายน้ำ ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ เจ็บคอ ลดไขมันในเลือดได้เนื่องจากไปขัดขวางไขมันไม่ให้เกาะเส้นเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง แก้ปัสสาวะขัด แก้นิ่งที่เกิดจากสารที่เป็นด่าง โดยต้มดอกกระเจี๊ยบกับน้ำพอท่วม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันจนกว่าอาการ ปัสสาวะขัดจะหายไป

น้ำกระเจี๊ยบแดง



ส่วนผสม
  • ดอกกระเจี๊ยบแห้ง 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด 4 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย
วิธีทำ

1. ล้างดอกกระเจี๊ยบแห้งด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดแล้วพักไว้

2. ใส่น้ำลงในหม้อเคลื่อบ (ความเปรี้ยวจะละลายโลหะในหม้ออะลูมิเนียม) ตั้งไฟพอเดือด ใส่กระเจี๊ยบต้มจนออกสีแดง และเนื้อกระเจี๊ยบนุ่มสีจางลงไป เติมน้ำให้มีระดับเท่าเดิม จากนั้นกรองเอาแต่น้ำกระเจี๊ยบสีอแดงสด นำขึ้นตั้งไฟต่อ

3.ใส่น้ำตาล เคี่ยวไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายหมด แล้วยกหม้อเคลือบลง ทิ้งไว้ให้เย็น จะได้น้ำกระเจี๊ยบสีม่วงแดงรสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมน่าดื่ม เทใส่ขวดสะอาดที่ต้มในน้ำร้อนแล้ว 20 นาที แช่เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานหลายวัน เวลาดื่มให้เติมน้ำแข็งทุบเพื่อเพิ่มความเย็นสดชื่นได้อีก